คุณต่อวงษ์ บอกว่า
ปัจจุบันเทคโนโลยีของสมาร์ทโฟนมาไกลมาก
และเป็นอุปกรณ์ติดตัวที่บางครั้งตนได้นำมาใช้งานถ่ายภาพของตนเนื่องจากความสะดวก
โดยเลือกใช้ iPhone X ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่มีเทคโนโลยีถ่ายภาพตอบสนองการใช้งานของตนเองมากที่สุด
เป็นที่รู้กันดีว่ากล้องของ iPhone เป็นคุณสมบัติที่ถูกใช้งานมากที่สุด โดย “แอปเปิล” เคยให้ตัวเลขว่า
แต่ละปีมีการถ่ายภาพผ่าน iPhone ทุกรุ่นเป็นจำนวนถึง 10,000 ล้านภาพ ดังนั้น
กล้องจึงถูกพัฒนามาต่อเนื่องเพื่อตอบสนองการใช้งาน
อย่างเป็นที่ทราบกันดีในกลุ่มผู้ใช้
คุณต่อวงษ์ บอกว่า ตนใช้ iPhone
X ที่มีคุณสมบัติพิเศษกับกล้อง True
Depth เป็นจุดเด่น สามารถถ่ายภาพ Portrait
หรือภาพถ่ายบุคคลหน้าชัดหลังเบลอได้สวย
ตัวกล้องขนาด 12 ล้านพิกเซล
เพียงพอต่อการถ่ายภาพและปริ๊นต์รูปภาพขนาดใหญ่ เลนส์มุมกว้าง 28 มม. รูรับแสงขนาด f/1.8 เทเลโฟโต้ 52 มม. รูรับแสงขนาด f/2.4 เป็นเลนส์ที่ช่างภาพทั่วไปนิยมใช้เพราะเก็บภาพได้ดี
“สมัยก่อนภาพถ่าย Portrait
จะถ่ายภาพบุคคลแนวตั้งครึ่งตัว
แต่สมัยนี้สามารถถ่ายได้ทุกรูปแบบ
สำหรับมือทั่วไปให้พยายามถ่ายกับแบล็กกราวด์ที่เรียบๆ สีพื้นๆ ระยะห่างแบล็กกราวด์สัก
2 ฟุต ภาพจะออกมาสวยงาม
หากคิดอะไรไม่ออกให้ถ่ายพื้นหลังเป็นท้องฟ้า แต่อย่าให้พื้นหลังยุ่งเหยิง
ภาพออกมาจะถูกดึงความน่าสนใจไป ขณะที่แสงและเงา
จะสร้างความสมดุลของภาพได้ดีแล้วแต่สมูธและโทนขึ้นอยู่กับประสบการณ์
หากถ่ายในสภาวะแสงน้อย พยายามหาแสงจากขอบหน้าต่าง หรือป้ายไฟ
หรือไม่ก็ไฟจากร้านค้า ให้ลองถ่ายดู ผลที่ออกมาจะมีความพอใจ”
เคล็ดลับอีกข้อหนึ่งง่ายๆ
หากจะถ่ายรูปกับตัวอาคาร ตึก ถ่ายสถาปัตยกรรมต่างๆ เพียงแค่ตั้งกล้องให้ตรงๆ
อย่าแหงนหรือก้ม
จะทำให้องค์ประกอบของภาพออกมาเป็นเส้นตรงให้ภาพออกมาดูเนี้ยบเหมือนมืออาชีพถ่าย
แต่ก็ไม่จำเป็นเสมอไปให้ดูความเหมาะสม
สำหรับการใช้แอพพลิเคชั่นมาช่วยแต่งภาพ
คุณต่อวงษ์บอกว่าใช้เพียงไม่กี่แอพ ที่นิยมกันก็คือแอพ VSCO,
RNI, Snapseed และ Adobe
Lightroom กับหลักการง่ายๆ
คือให้เลือกฟิลเตอร์ เลือกเพียง 3-4 ฟิลเตอร์ก็พอตามความต้องการ
จากนั้นมาปรับรายละเอียดความมืดความสว่าง ปรับ Shadows เพื่อปรับแสงในส่วนมืดให้สว่าง ปรับ Hilights
เพื่อดึงแสงสว่างกลับคืนมา และปรับ Vignette
เพื่อขอบของภาพให้ภาพมีความโดดเด่น
เพียงเท่านี้ก็ได้ภาพถ่ายบุคคลเหมือนมืออาชีพถ่ายแล้ว.